การดูแลต่อมลูกหมากโต แบบธรรมชาติ
โ ร ค ต่ อ ม ลู ก ห ม า ก โ ต
มีทางแก้
ไม่อยากผ่าตัดต่อมลูกหมาก ต้องอ่าน!!
ต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia) คือโรคที่เกิดขึ้นในเพศชาย โดยเฉพาะชายสูงวัย ซึ่งต่อมลูกหมากที่โตจนผิดปกติจะไปรบกวนระบบทางเดินปัสสาวะ จนทำให้ปัสสาวะขัด และก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้
ต่อมลูกหมาก คือต่อมหนึ่งในร่างกายที่อยู่ภายในระบบสืบพันธุ์ของเพศชาย มีรูปร่างคล้ายผลวอลนัท ตำแหน่งของต่อมลูกหมากจะอยู่ที่บริเวณระหว่างกระเพาะปัสสาวะและอวัยวะเพศชาย ด้านหน้าของทวารหนัก และมีท่อปัสสาวะผ่านตรงกลางของต่อม ต่อมชนิดนี้จะมีในเพศชายเท่านั้น โดยทำหน้านี้ในการสร้างของเหลวที่คอยหล่อเลี้ยงอสุจิ ขนาดที่ผิดปกติของต่อมลูกหมาก นอกจากจะส่งผลทำให้ทางเดินปัสสาวะติดขัดแล้ว ก็ยังส่งผลให้อสุจิที่ถูกหลั่งออกมาไหลกลับเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้ หากไม่ได้รับการรักษาก็อาจส่งผลให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะ และไตได้ในอนาคต
อาการของต่อมลูกหมากโต
อาการของต่อมลูกหมากโตมีสาเหตุมาจากขนาดของต่อมลูกหมากที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจนทำให้เกิดแรงดันที่กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ และส่งผลกระทบกับการปัสสาวะ ซึ่งมีผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ละเลยอาการต่าง ๆ ของต่อมลูกหมากโต ดังนี้
- ปัสสาวะได้ลำบาก
- มีปัญหาเรื่องการไหลของปัสสาวะ
- ปัสสาวะบ่อยขึ้น
- ปัสสาวะน้อย และปัสสาวะไม่สุด
- ตื่นบ่อยเนื่องจากการปัสสาวะบ่อย
- เกิดการปัสสาวะเล็ดเนื่องจากไม่สามารถควบคุมการปัสสาวะได้
นอกจากนี้ โรคต่อมลูกหมากโตยังเป็นสาเหตุของอาการปัสสาวะไม่ออก หรือภาวะแทรกซ้อน เช่น นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ การติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ หรือความเสียหายของไตได้อีกด้วย หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ ได้แก่ มีไข้ หนาวสั่น ปวดที่สีข้าง บริเวณหลัง หรือบริเวณท้อง ปัสสาวะมีหนองหรือมีเลือดปน
สาเหตุของต่อมลูกหมากโต
มีการสันนิษฐานว่าสาเหตุของต่อมลูกหมากโตเกิดขึ้นจากความเสื่อมของร่างกายตามวัยในผู้ชาย และเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของสมดุลฮอร์โมน นอกจากนี้ยังสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากพันธุกรรม โดยเฉพาะคนที่มีอาการค่อนข้างรุนแรงในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี ซึ่งต้องรับการรักษาโดยผ่าตัด
ปัจจัยเสี่ยงของโรคต่อมลูกหมากโตที่มักพบได้บ่อยคือ คนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีประวัติว่าคนในครอบครัวมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก หรือผู้ที่มีความผิดปกติของอัณฑะจะยิ่งมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโตเพิ่มขึ้น
การวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโต
การวินิจฉัยด้วยตนเอง การวินิจฉัยอาการด้วยตนเองในเบื้องต้นนั้น สามารถทำได้โดยการสังเกตความผิดปกติในการปัสสาวะ หากพบว่ามีการปัสสาวะที่บ่อยขึ้น หรือในขณะที่ปัสสาวะรู้สึกเจ็บ และมีปัสสาวะเป็นเลือด รวมทั้งมีอาการปัสสาวะไม่พุ่ง ไหลช้า หรือไหล ๆ หยุด ๆ ต้องเบ่งหรือรอนานกว่าจะสามารถปัสสาวะออกมาได้
วิธีการรักษาต่อมลูกหมากโต
การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตอาจต้องใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกัน แต่โดยหลัก ๆ แล้ว ได้แก่ การเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต การใช้ยารักษา และการผ่าตัด แต่ถ้าหากต่อมลูกหมากที่โตนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย ก็อาจไม่จำเป็นต้องรักษา และติดตามอาการเป็นระยะ ๆ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น ทั้งนี้ไม่ว่าผู้ป่วยจะทำการรักษาหรือไม่ ก็ควรจะปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิต ซึ่งควรปฏิบัติตนดังนี้
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน วิธีนี้จะช่วยลดการปวดปัสสาวะในเวลากลางคืนได้ แต่ก็ไม่ควรอดหรือลดปริมาณการดื่มน้ำในแต่ละวัน
- ตั้งเวลาในการรับประทานยาให้เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการปัสสาวะบ่อยในตอนกลางคืน
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน หรือลดปริมาณลงเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองที่กระเพาะปัสสาวะและทำให้อาการแย่ลง
- ออกกำลังกาย มีการวิจัยพบว่าการออกกำลังกายด้วยการเดินอย่างน้อยวันละ 30-60 นาทีต่อวันจะช่วยให้อาการดีขึ้น
- จำกัดการรับประทานยาลดน้ำมูก หรือยาแก้แพ้ การใช้ยาทั้ง 2 ชนิดจะทำให้ปัสสาวะได้ลำบาก เนื่องจากยาจะเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อบริเวณท่อปัสสาวะที่ควบคุมการไหลของปัสสาวะหดตัว
- ไม่อั้นปัสสาวะ การอั้นปัสสาวะนานเกินไปจะทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะเกิดความเสียหาย
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์จะช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก ทำให้ความเสี่ยงโรคอ้วนลดลงซึ่งเกี่ยวของกับโรคต่อมลูกหมากโต
- ฝึกการเข้าห้องน้ำ การเข้าห้องน้ำทุก ๆ 4-6 ชั่วโมงเป็นวิธีการอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยได้มากในกลุ่มผู้ป่วยที่ปัสสาวะบ่อยและไม่สามารถกลั้นได้
ภาวะแทรกซ้อนของโรคต่อมลูกหมากโต
ภาวะแทรกซ้อนของโรคต่อมลูกหมากโตสามารถเกิดขึ้นได้ หากได้รับการรักษาที่ล่าช้า หรือไม่ถูกต้อง ซึ่งภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ คือ
- ปัสสาวะไม่ออก (Urinary Retention) ขนาดของต่อมลูกหมากที่ใหญ่ขึ้นอาจทำให้ผู้ป่วยต้องใส่ท่อปัสสาวะเพื่อระบายปัสสาวะ ผู้ป่วยบางรายอาจต้องถึงขั้นผ่าตัดเพื่อระบายปัสสาวะออกจากกระเพาะปัสสาวะ
- ปัสสาวะเป็นเลือด (Haematuria) โดยอาการอาจจะทั้งเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือต้องใช้การตรวจด้วยการส่องกล้องจุลทรรศน์
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infections: UTIs) โรคต่อมลูกหมากจะทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถปัสสาวะออกมาได้หมด จนทำให้กระเพาะปัสสาวะมีปัสสาวะตกค้างและเกิดการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ ทั้งนี้หากการติดเชื้อเกิดขึ้นบ่อย แพทย์อาจต้องตัดสินใจทำการผ่าตัดเพื่อนำบางส่วนของต่อมลูกหมากที่ขัดขวางทางเดินปัสสาวะออกไป
- นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Stones) นิ่วในกระเพาะปัสสาวะเกิดขึ้นได้หากมีปัสสาวะตกค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ นิ่วในปัสสาวะยังก่อให้เกิดอาการอักเสบ การระคายเคืองที่กระเพาะปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด และปัสสาวะติดขัดได้อีกด้วย
- กระเพาะปัสสาวะ การตกค้างของปัสสาวะส่งผลให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะไม่สามารถยืดหยุ่นได้เต็มที่ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอลง และเกิดความเสียหายที่กระเพาะปัสสาวะได้
- ไต แรงดันภายในกระเพาะปัสสาวะจากการที่ปัสสาวะไม่ออกสามารถส่งผลเสียโดยตรงกับไต และทำให้ไตเกิดการติดเชื้อ
ทว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตมักจะไม่ค่อยมีอาการของภาวะแทรกซ้อน และไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก อย่างไรก็ตาม อาการปัสสาวะไม่ออกอย่างเฉียบพลัน และอาการไตเสียหายก็สามารถคุกคามสุขภาพได้อย่างร้ายแรง
วิธีป้องกันต่อมลูกหมากโต
ปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีใดที่ช่วยป้องกันปัญหาต่อมลูกหมากโตได้อย่างแท้จริง ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปควรได้รับการตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี และควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ และควรรีบไปพบแพทย์หากมีอาการเหล่านี้
- ปัสสาวะบ่อย
- ปัสสาวะเป็นเลือด
- รู้สึกเจ็บเวลาปัสสาวะ
- ปัสสาวะลำบาก
- ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
หากคุณมีปัญหา ปัสสาวะขัด ไม่สุด ปวดอัณฑะ
ปัสสาวะบ่อยแต่ปัสสาวะไม่ออก ออกนิดเดียว
รู้สึกเหมือนปัสสาวะไม่สุด
มีอาการเจ็บ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพฟรี ที่ 065-096-4419 , 093-264-9053 หรือคลิิ๊กลิงค์ด้านล่างทักแชทได้ทันทีhttps://line.me/R/ti/p/%40thanawatdboon
ต่อมลูกหมากโต (BPH – Benign Prostatic Hyperplasia) คือ การที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ผิดปกติ และไปบีบท่อปัสสาวะให้แคบลง ทำให้มีอาการปัสสาวะติดขัด
ต่อมลูกหมากโต (BPH – Benign Prostatic Hyperplasia) คือ การที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ผิดปกติ และไปบีบท่อปัสสาวะให้แคบลง ทำให้มีอาการปัสสาวะติดขัด
ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของระบบสืบพันธุ์เพศชาย มีรูปร่างและขนาดคล้ายผลวอลนัท อยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะและล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น มีหน้าที่ผลิตสารที่เป็นของเหลวประมาณ 30% ของน้ำอสุจิ เมื่อมีอาการต่อมลูกหมากโตจะทำให้ส่งผลโดยตรงต่อท่อปัสสาวะและการปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ขึ้น ซึ่งแต่ละคนมีอาการที่แตกต่างกัน และความรุนแรงของอาการต่างกัน เช่น ในบางคนความแรงของปัสสาวะลดลง ในขณะที่บางคนอาจอาการหนักถึงขั้นปัสสาวะไม่ออก
มาทำความรู้จักกับโรคต่อมลูกหมากโต และขั้นตอนในการรับมือกับโรคนี้กันครับ

1.ผู้ที่เข้าข่ายเสี่ยงเป็น ต่อมลูกหมากโต
โดยทั่วไปต่อมลูกหมากจะหยุดการเจริญเติบโตหลังจากอายุ 20 ปี และเมื่อถึงอายุ 45 ปีจะเพิ่มขนาดขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่อมลูกหมากโต
ความจริงแล้วโรคต่อมลูกหมากโตถือเป็นโรคชรา หรือ โรคสามัญชนิดหนึ่งที่เกิดผู้สูงอายุ ซึ่งเฉลี่ยในผู้ชายอายุ 45 ปีขึ้นไปพบ 20 % ผู้ชายอายุประมาณ 60 ปี พบ 50 % และหากมีอายุเพิ่มขึ้น 80-90 ปี จะพบว่าเกิดโรคนี้ขึ้นทุกคน

2.ต่อมลูกหมากโตเกิดขึ้นได้อย่างไร?
เป็นที่สงสัยในผู้ป่วยและคนทั่วไปว่าทำไมถึงพบโรคต่อมลูกหมากโตในผู้ชายที่อายุมากขึ้น จากการวิจัยที่ผ่านมา ทางการแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวกับฮอร์โมนตัวหนึ่งชื่อ “ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน” (Dihydrotestosterone – DHT) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากมีขนาดโตขึ้น
และมีการสันนิษฐานว่า อาจเกิดจากพันธุกรรม โดยเฉพาะคนที่มีอาการค่อนข้างรุนแรงในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี ซึ่งต้องรับการรักษาโดยผ่าตัด นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีประวัติว่าคนในครอบครัวมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก หรือผู้ที่มีความผิดปกติของอัณฑะจะยิ่งมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากโตเพิ่มขึ้น
และยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่คาดว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค เช่นการบริโภคอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่ออกกำลังกาย โรคอ้วน

3.เช็คอาการ ใช่โรคต่อมลูกหมากโตหรือไม่
อาการส่วนใหญ่ของโรคต่อมลูกหมากโต จะส่งผลต่อการขับถ่ายปัสสาวะโดยตรง เนื่องจากต่อมลูกหมากโตไปกดท่อปัสสาวะ ซึ่งมีอาการแตกต่างกันไปในแต่ละราย และอาการกับขนาดของต่อมลูกหมากที่โตขึ้นอาจไม่สัมพันธ์กัน บางคนอาจมีต่อมลูกหมากโตมาก แต่มีอาการเพียงเล็กน้อย เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้ชายจำนวนไม่น้อยที่ละเลยอาการต่าง ๆ ของต่อมลูกหมากโตและคิดว่าไม่เป็นไร
มาลองเช็คอาการของโรคต่อมลูกหมากโตกันหน่อยครับ ต่อไปนี้คืออาการที่คุณควรใส่ใจและไปปรึกษาแพทย์ หากพบว่าเป็นอย่างต่อเนื่องนะครับ
• ปัสสาวะอ่อน ปัสสาวะสะดุดเป็นหยดๆ ต้องออกแรงเบ่ง
• ปัสสาวะไม่ออกในทันทีหรือค่อยเป็นค่อยไปทำให้ใช้เวลาในการถ่ายปัสสาวะนาน
• มีความรู้สึกเหมือนถ่ายปัสสาวะไม่สุด ทำให้อยากปัสสาวะอยู่เรื่อย ๆ
• ต้องการปัสสาวะทันที ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้
• รู้สึกปวดขณะถ่ายปัสสาวะ
• ปัสสาวะหลายครั้ง ทั้งกลางวันและกลางคืน
• มีเลือดปนออกมาในปัสสาวะ เนื่องจากเบ่งถ่ายนานๆ ทำให้หลอดเลือดที่ปัสสาวะคั่งแล้วแตกจนมีเลือดออกมา แต่อาการนี้ก็ไม่ใช่อาการหลักของโรคนี้
นอกจากนี้ หากมีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดที่สีข้าง บริเวณหลัง หรือบริเวณท้อง ปัสสาวะมีหนองหรือมีเลือดปน ร่วมด้วยกับอาการข้างต้นที่กล่าวมา ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

4.โรคที่อาจตามมาจากการที่ต่อมลูกหมากโต
เนื่องจากอาการของโรคต่อมลูกหมากโตทำให้การถ่ายปัสสาวะออกไม่หมด ในกระเพาะปัสสาวะปกติมีปัสสาวะประมาณ 400-500 มิลลิลิตร ถ้าปัสสาวะไม่หมดมีปัสสาวะค้างอยู่ ทำให้เกิดการตกตะกอน ซึ่งอาจเกิดการติดเชื้อได้ และจะสามารถทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ หรือทางเดินปัสสาวะอักเสบ เนื่องจากปัสสาวะไม่ออกเลย และส่งผลต่อท่อไตและไตบวม จากการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ นอกจากนี้อาจจะทำให้ผนังกระเพาะปัสสาวะหย่อนยานหรือเป็นถุงโป่งพอง หรือเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้
ในสำหรับคนที่กังวลว่า โรคต่อมลูกหมากโตจะส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ ในทางการแพทย์ที่ผ่านมาไม่พบว่าการเกิดโรคนี้จะส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ และไม่พบว่าเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่ทั้งสองโรคสามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกัน และมีอาการที่ใกล้เคียงกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น